ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร เงินยุคดิจิทัลในโลกออนไลน์...โอกาสหรือความเสี่ยง ?!




          บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ใครเป็นผู้คิดค้น เล่นบิทคอยน์รวยจริงหรือ ทำไมถึงมีความสำคัญกับระบบการเงินโลก เรามาเริ่มทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กัน

          เป็นเรื่องที่กระแสความสนใจมาแรงมากในขณะนี้กับสกุลเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “บิทคอยน์ (Bitcoin)” หลังจากมีการพูดถึงกันเป็นวงกว้างว่า บิทคอยน์อาจจะเปลี่ยนระบบการเงินของโลกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 2552 หรือเกือบ 8 ปีมาแล้ว 
          โดยบิทคอยน์เริ่มมาเป็นกระแสในเมืองไทย เนื่องจากมีกลุ่มแฮกเกอร์ได้ปล่อยไวรัสเรียกค่าไถ่ "WannaCry" ซึ่งได้เรียกเก็บเงินกับผู้ที่ติดไวรัสเป็นสกุลเงินบิทคอยน์ ทำให้สกุลเงินนี้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก จนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มูลค่าบิทคอยน์พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 
    
          หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่าบิทคอยน์คืออะไร มาจากไหน ใครเป็นผู้คิดค้น และมีความสำคัญยังไง วันนี้กระปุกดอทคอม มีคำตอบมาฝากกันครับ 

บิทคอยน์ (Bitcoin)
บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร ? 

          บิทคอยน์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินสมมติที่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบดิจิทัล เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใด ๆ ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญทั่วไป โดยบิทคอยน์มีหน่วยเงินตราเป็น BTC เหมือน ๆ กับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้หน่วยเงินตราเป็น USD สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นที่ใช้ JPY หรือสกุลเงินบาทไทยที่ใช้เป็น THB นั่นเอง ซึ่งบิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2552 และเริ่มถูกนำไปใช้แลกเปลี่ยนซื้อ-ขายสินค้ากันจริง ๆ ในโลกออนไลน์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
        
          ทั้งนี้ บิทคอยน์ถือว่าเป็นเงินตราอิเล็กทรอนิกส์ (Cryptocurrency) สกุลหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีสกลุเงินอื่น ๆ อีกมากมายที่ถูกคิดค้นขึ้นมา อาทิ สกุลเงิน Ethereum ที่ใช้ตัวย่อว่า ETH, สกุลเงิน Ripple ที่ใช้ตัวย่อว่า XRP และสกุลเงิน Litecoin ที่ใช้ตัวย่อว่า LTC แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันบิทคอยน์ยังคงเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุด
      
บิทคอยน์ (Bitcoin)
 
บิทคอยน์ (Bitcoin) เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

          บิทคอยน์เกิดจากแนวคิดที่ว่ามีคนต้องการระบบเงินใหม่ที่ไม่ถูกตรวจสอบขึ้นมา จากเดิมที่มีระบบธนาคารกลางเป็นผู้ดูแล และมีหน้าที่กำหนดมาตรฐาน รวมถึงมูลค่าของเงิน ทำให้ธุรกรรมทางการเงินทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของธนาคารกลางนั้นเอง แต่กระบวนการเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจบรรดาธุรกิจใต้ดิน เพราะต้องระบุตัวตน เวลาโอนเงินก็ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้ถูกตรวจสอบได้ง่าย 

          ดังนั้น จึงมีหลาย ๆ คนพยามจะสร้างสกุลเงินใหม่ที่ไม่ผ่านระบบธนาคารกลาง และเป็นที่ยอมรับใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีโปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโต้ ได้สร้างระบบที่เรียกว่า “Blockchain” ออกมา ซึ่งเป็นระบบเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัล จากการปั๊มเงินออกมาเรื่อย ๆ ได้ตามใจชอบ โดยนำระบบการทำงานของอัลกอริทึมมาใช้ แล้วกำหนดปริมาณเงินในระบบไว้ไม่ให้เกิน 21 ล้านหน่วย ทำให้บิทคอยน์เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากมีระบบป้องกันเงินเฟ้อนั่นเอง 

บิทคอยน์ (Bitcoin)
 
บิทคอยน์ (Bitcoin) ขุดยังไง เล่นแล้ว รวยจริงหรือ ?
 
          หลังจากที่บิทคอยน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จึงมีหลายคนเริ่มเห็นโอกาสในการทำกำไร ซึ่งก็มีคนที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยกับบิทคอยน์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว โดยการลงทุนในบิทคอยน์นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

1. การขุด (Mining)

          อย่างที่บอกไปข้างต้น คือ บิทคอยน์ถูกดูแลภายใต้ระบบ Blockchain ที่ทำงานโดยอัลกอริทึม ”การขุดคอยน์” อธิบายง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบมาทำในระบบคอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบบิทคอยน์ใช้ในการเก็บธุรกรรมต่าง ๆ  จึงจะได้รับค่าตอบแทนคือเงินบิทคอยน์ แต่การจะได้ค่าตอบแทนนั้นจะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ถ้าทำสำเร็จเราก็จะเป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง 

          สำหรับความยากง่ายของการขุด ขึ้นอยู่กับจำนวนบิทคอยน์ที่เหลืออยู่ในระบบที่ถูกกำหนดสูงสุดไว้ที่ 21 ล้านหน่วย เพราะฉะนั้นยิ่งจำนวนบิทคอยน์เหลือน้อย การแก้สมการก็ยิ่งยากมากขึ้น รวมถึงความแรงของการประมวลผลคอมพิวเตอร์เราด้วยที่ต้องมากขึ้นตามความยากของการขุด ทำให้เราเห็นข่าวเรื่องที่คนหันมาซื้อการ์ดจอแรง ๆ เพื่อมาแข่งกันขุดบิทคอยน์นั่นเอง คอมพิวเตอร์ของใครแรงกว่าก็จะมีโอกาสแก้สมการได้เร็วกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการขุดถูกกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งช่วงแรกจะได้ครั้งละ 50 BTC โดยจำนวนเงินที่ได้จะค่อย ๆ ลดลงทุก 4 ปี ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ครั้งละ 25 BTC เท่านั้น

          ขณะที่ปัจจุบันจำนวนบิทคอยน์ที่เหลืออยู่ในระบบมีไม่ถึง 5 ล้าน BTC แล้ว แต่จำนวนคนที่เข้ามาขุดกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น โอกาสรวยจากการขุดหาบิทคอยน์จึงยากมากขึ้น เนื่องจากต้องลงทุนซื้อการ์ดจอราคาแพง   

บิทคอยน์ (Bitcoin)
2. เทรดด้วยสกุลเงินอื่น

          หากใครที่ไม่มีคอมพิวเตอร์แรง ๆ ไปขุดบิทคอยน์ เราสามารถนำเงินสกุลอื่น ๆ ที่ได้รับการยอมรับไปแลกเพื่อเก็งกำไรมูลค่าของบิทคอยน์ได้จากนักขุด โดยมีร้านรับแลกแบบออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย ที่ทำหน้าที่เสมือนธนาคาร ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นกับกลไกลการตลาดกำหนด คือ ช่วงเวลาไหนที่ได้รับความนิยมสูง มูลค่าของบิทคอยน์ก็จะสูงขึ้นตาม

1 บิทคอยน์ เท่ากับกี่บาท ?


          มูลค่าของบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเหมือนสกุลเงินอื่น ๆ ตามกลไกตลาด หรือที่เราเรียกว่าหลัก Demand Supply คือช่วงไหนที่ความต้องการบิทคอยน์ มีมากกว่าปริมาณบิทคอยน์ที่มีในระบบ ก็จะส่งผลให้มูลค่าบิทคอยน์เพิ่มขึ้น เช่น ในช่วงที่มัลแวร์เรียกค่าไถ่ด้วยเงินบิทคอยน์ กลับกันหากบิทคอยน์ในระบบมีมากเกินความต้องก็จะทำให้มูลค่าลดลง 

          โดยเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2560 บิทคอยน์ได้สร้างสถิติสูงสุด คือ 1 BTC เท่ากับ 2,999 USD หรือคิดเป็นประมาณ100,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนที่ทำให้มูลค่าพุ่งสูงมหาศาล ทั้งนี้ ปัจจุบัน (ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2560) 1 BTC มีค่าเท่ากับ 2,500 USD หรือคิดเป็นเงินประมาณ 87,000 บาท

          ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนแรกของบิทคอยน์ ถูกกำหนดขึ้นในเดือนตุลาคม 2552 ไว้ที่ 1 BTC เท่ากับ 0.000764 USD  กระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2553 บิทคอยน์สามารถเพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็วเป็น 1 BTC เท่ากับ 0.50 USD และปรับเพิ่มขึ้นอย่างอย่างมหาศาลจนถึงปัจจุบัน

บิทคอยน์ (Bitcoin)

ภาพจาก bitcoincharts

          อย่างไรก็ดี บิทคอยน์ ถือเป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวันมูลค่าของบิทคอยน์จะเปลี่ยนแปลงประมาณ 5% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเงินสกุลปกติหรือการลงทุนในหุ้นที่เฉลี่ยต่อวันจะเปลี่ยนแปลงไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนหรือเก็งกำไร ควรจะต้องศึกษาข้อมูลและหาความรู้เพิ่มเติมอย่างละเอียด ไม่เช่นนั้นอาจจะหมดตัวได้ง่าย ๆ 

บิทคอยน์ (Bitcoin) ผิดกฎหมายไหม เป็นที่ยอมรับหรือยัง ?

          ขณะนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทุกชนิดรวมถึง Bitcoin ด้วยเช่นกัน ทำให้ธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เหตุผลว่า “การทำธุรกรรมใด ๆ ที่ใช้เงินบิทคอยน์ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากระบบดังกล่าวไม่ใช่เงินที่แท้จริง และไม่สามารถใช้เงินบิทคอยน์ชำระหนี้ตามกฎหมายไทยได้”

          อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยอมรับบิทคอยน์อย่างถูกกฎหมาย อาทิ ประเทศในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยอมรับการชำระสินค้าเป็นเงินสกุลบิทคอยน์ เช่น Dell, Expedia, Greenpeace และ Wikipedia 

บิทคอยน์ (Bitcoin)

บิทคอยน์ (Bitcoin) โอกาสหรือความเสี่ยง ?
          สำหรับการใช้บิทคอยน์ หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการนำมาซึ่งความสะดวกในหลายด้าน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพกเงินสด อยากโอนให้ใครบนโลกนี้ก็ทำได้ง่าย ๆ ไม่ต่างจากการส่งอีเมล และนับวันสกุลเงินดิจิทัลก็ค่อย ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น
        
          แต่ความเสี่ยงของเงินสกุลนี้ก็ยังมีอยู่มากเช่นกัน ได้แก่ ค่าเงินที่มีความผันผวนสูง เป็นช่องทางการฟอกเงินอีกหนึ่งรูปแบบ รวมทั้งยังเป็นช่องทางให้เกิดการโจรกรรมทางอินเทอร์เน็ต เพราะไม่มีการระบุข้อมูลของผู้ใช้ การจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษจึงทำได้ยากนั่นเอง ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย จากการที่บิทคอยน์ไม่มีตัวตนจริง จึงมีโอกาสสูญหายได้หากถูกโจมตีจากไวรัสที่ต้องการเข้ามาป่วนระบบ รวมถึงการที่ธนาคารกลางของประเทศหลายประเทศยังไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบให้มีเสถียรภาพได้ด้วย
     
          ต้องบอกว่าปัจจุบันบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากชีวิตประจำวันของทุกคนต้องข้องเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เน็ตแน่นอน และบิทคอยน์คงจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ กับระบบการเงินของโลกในอนาคต ซึ่งการเรียนรู้ทำความเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้า “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายก็ได้

 ***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 6 กรกฎาคม 2560
ขอบ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เบอร์มงคลส่งเสริมด้านการเงิน ที่หลายคนมองข้าม และ เลขมังกร เลขหงส์ เลขเงินก้อนโต คืออะไร ? การเลือกเบอร์มงคลด้วยตัวเองอย่างละเอียด เลือกยังไง ส่วนเลขเสียในมือถือ ที่ดึงดูดโรคร้าย คือเลขอะไร เบอร์มงคลที่ส่งเสริมด้านการเงิน ผมเชื่อว่าเรื่องเงิน เป็นเรื่องต้นๆ ที่ผู้ใช้เบอร์มงคล ใช้เป็นเหตุผลในการพิจารณาเพื่อหาเบอร์มงคลมาใช้ ถ้าคุณมีความต้องการเช่นเดียวกันนี้แล้ว ผมจะมาแชร์ข้อมูลให้คุณได้ทราบกัน ณ.ปัจจุบันนี้มีเลขกลุ่มนึงที่คนหลายคนมักมองข้าม หรืออาจจะเรียกว่าเป็นม้านอกสายตา แต่บอกเลยมันมีพลังอันน่ามหัศจรรย์ในการดึงดูดเงินซ่อนอยู่ แต่ก่อนจะเข้าไปเรียนรู้เลขมงคลเหล่านี้กัน ผมอยากขอทวนเรื่องการดูเบอร์มงคลกันเสียก่อน เผื่อบางท่านที่เพิ่งเข้ามาเห็นบทความนี้เป็นเรื่องแรกโดยยังไม่ได้เริ่มต้นจากบทความเก่าๆก่อนหน้านี้จะได้ไม่งง แล้วพร้อมจะเรียนรู้และพิสูจน์พลังของความมงคลนี้ไปด้วยกัน อย่าลืม !! เราพิจารณาเบอร์มงคล จากตัวเลขของเบอร์มือถือที่ 7 ตัวหลัง โดยพิจารณาเป็นคู่ๆ ได้ 6 คู่ ซึ่งทั้ง 6 คู่นี้ควรจะเป็นเลขมงคล (กล่องเขียว หรือ เหลือง) ทั้งหมด ไม่ควรมีกล่องสีแดง ดังภาพ หรือ ดูเนื้อหาฉบั...
ใครผิวหน้าแห้งยกมือขึ้น มาดูวิธีดูแลผิวกัน         สภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน  จึงทำให้เจอกับปัญหาผิวไม่เหมือนกัน อย่างเช่น คนผิวมันก็เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง เป็นต้น วันนี้ที่เราต้องมาพูดถึงคน ผิวหน้าแห้ง  เพราะว่าปัจจุบันมีหลายคนกำลังเจอปัญหาผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยเล่นงาน โดยมักเกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ซีบัม (sebum) ออกมาน้อย จึงทำให้ผิวหน้าแห้งกร้านโดยเฉพาะเมื่อไปอยู่ในบริเวณที่อากาศเย็น เช่น ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้คนผิวหน้าแห้งยังต้องพบกับปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ผิวหยาบขาดชีวิตชีวาอีกด้วย            แม้ว่าคนผิวหน้าแห้ง จะมีข้อดีตรงที่รูขุมขนไม่กว้างและผิวดูละเอียดกว่าผู้ที่มีผิวมัน แต่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดความแห้งกร้านและระคายเคืองมากกว่าผิวประเภทอื่น จึงต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ มาดูกันว่าควรดูแลอย่างไร สำหรับคน ผิวหน้าแห้ง   การดูแลสำหรับคนผิวหน้าแห้ง            ใครที่มีผิวหน้าแห้งตึง  ควรท่องคติประจำใจไว้ว่า “ปกป้อง ส่งเสริม ฟื้น...
"โนแวคส์ ดีแนกซ์" ชื่อนี้การันตี"เรื่องลดน้ำหนัก" #ผอมสั่งได้!! #ลดพุงได้!! #ลดหน้าท้องได้!! #ลดต้นแขนต้นขาได้!! จะรออะไรอยู่ละ...!! (คุณอ้อย)☎️: 0994289745 🆔line: aoybeyonce หรือคลิก: http://line.me/ti/p/c5hb4mVTha 🆔line: @khunnine_aoy